หุ่นละครเล็ก โจหลุยส์
คุณค่าที่ค้นพบในการแสดง
การแสดงหุ่นละครเล็กเป็นการแสดงที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และมีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนปัจจุบัน ซึ่งการแสดงนี้แม้จะประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและเงินสนับสนุนในการแสดงมาตลอดแต่ทางทายาทของผู้ก่อตั้งก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงสืบทอดเจตนารมย์ของบรรพบุรุษต่อไป การแสดงหุ่นละครเล็กของโจหลุยส์มีการอนุรักษ์ความเป็นไทยในหลายๆด้าน ทั้งการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทยให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติได้รู้จักไปทั่วโลก การอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม การสืบสานการแสดงเก่าของไทยที่มีมาแต่โบราณ
ประวัติหุ่นละครเล็ก
หุ่นละครเล็ก ถูกสร้างสรรค์โดยนายแกร ศัพทวณิช เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๔๔ โดยมีลักษณะเลียนแบบหุ่นหลวงและหุ่นเล็ก ซึ่งหุ่นละครเล็กมีขนาดความสูงประมาณ ๑ เมตร และได้ดัดแปลงกลไกของตัวหุ่นให้เชิดง่ายขึ้น
ลักษณะของหุ่นละครเล็กเป็นหุ่นที่มีลักษณะคล้ายหุ่นหลวง คือ ครบส่วนทั้งตัว แต่ที่มือมีแกนไม้สำหรับชักเชิด ส่วนเท้ามีเดือยสำหรับจับเชิด และด้านในลำตัวกลวงเป็นรูสำหรับล้วงมือเข้าไปจับแกนไม้ที่คอหุ่น เพื่อที่จะให้หัวหุ่นเหลียวไปมาได้เสมือนจริง หุ่นละครเล็กใช้ผู้เชิด ๓ คน ต่อหุ่น ๑ ตัว แต่ถ้าหุ่นตัวใดไม่ค่อยมีบทบาทมาก อาจใช้ผู้เชิดเพียง ๑ คนหรือ ๒ คน ก็ได้เช่นกัน
| หุ่นละครเล็ก |
| หุ่นหลวง หรือ หุ่นใหญ่ |
เมื่อแรกนำหุ่นชุดนี้ออกแสดงนั้นยังไม่มีชื่อเรียกขานใดๆ ต่อมาบรรดาเจ้านายที่ ทอดพระเนตรต่างทรงชื่นชอบกันมาก และทรงเรียกการแสดงของหุ่นชนิดนี้ว่า “หุ่นละครเล็ก” จึงได้ใช้ชื่อนี้สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
การแสดงหุ่นละครเล็กแต่ดั้งเดิมนั้น ผู้ชมด้านหน้าคงเห็นได้แค่เฉพาะตัวหุ่นในการแสดงเท่านั้น ส่วนผู้เชิดทุกคนจะต้องเชิดกันด้านหลังฉาก โดยผู้เชิดยืนเชิดและชูหุ่นให้สูงขึ้นพ้นจากฉากกั้นทางด้านหน้าหุ่น
ผู้เชิดหุ่นละครเล็กของคณะครูแกร ก็คือ
๑.นางหยิบ ศัพทวณิช เป็นสะใภ้ เชิดตัวเอก เช่น ทศกัณฐ์ ,นางผีเสื้อ ฯลฯ
๒.นายคุ่ย ยังเขียวสด เป็นคนในคณะ เชิดตัวตลกเจ็กเข่ง
๓.นางเชื่อม ยังเขียวสด เป็นภรรยานายคุ่ย เชิดตัวรอง
๔.นางรุณ เชิดตัวรอง
๕.นางเฟี้ยน เชิดตัวรอง
และยังมีอีกหลายท่านที่ยังมิได้เอ่ยนามถึงมา ณ ที่นี้
| พ่อครูแกร ศัพทวนิช |
| ครูสาคร ยังเขียวสด
หุ่นละครคณะครูแกร ศัพทวณิช ได้รับความนิยมจากผู้ชมในการแสดงเป็นอย่างมาก ออกแสดงไปยังสถานที่ต่างๆอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งเดินทางโดยเรือจะไปทำการแสดงหุ่นละครเล็กเรื่อง “พระอภัยมณี” ที่วัดปากคลองบางตะไคร้ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งนางเชื่อมภรรยาของนายคุ่ย ยังเขียวสด ได้คลอดบุตรชาย ๑ คน ขณะที่ล่องเรือ นางปลั่ง ศัพทวณิช ภรรยาของครูแกร ก็ได้ตั้งชื่อให้ว่า
“สุดสาคร”
ในวัยเด็กของเด็กชายสุดสาคร เจ็บไข้และป่วยหนักอยู่บ่อยๆ บิดามารดาจึงนำไปยกให้เป็นลูกของพระสงฆ์ และก็ได้ชื่อใหม่ว่า “หลิว” เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ทำให้อาการก็ดีขึ้นตามไปด้วย และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น “สาคร ยังเขียวสด”
ชีวิตในวัยเด็กของครูสาคร หรือ หลิว ยังเขียวสด ได้ฝึกหัดโขน หุ่นละครเล็ก ละคร และลิเก จนถึงวัยที่ออกแสดงได้ จึงตระเวนไปกับบิดา มารดา ซึ่งขณะนั้นบิดา มารดเป็นคนเชิดหุ่นมือหนึ่งในคณะของครูแกร โดยเฉพาะบิดานั้นเป็นผู้เชิด “เจ๊กเข่ง” ซึ่งเป็นหุ่นตัวตลกที่คนดูชื่นชอบมาก ทำให้ครูสาครได้ซึมซับการเชิดหุ่นละครเล็กและการทำตัวหุ่นมาโดยตลอด และต่อมาก็ไปแสดงลิเกร่วมกับคณะอื่นๆอีกหลายคณะด้วยเช่นกัน ในการแสดงลิเกจะนิยมแสดงเป็นตัวตลก เพื่อนๆในคณะลิเกอื่นๆมักเรียกชื่อ “หลิว” เพี้ยนเป็น “หลุยส์” อยู่บ่อยครั้ง จนต่อมามีผู้มาเติมให้อีกเป็น “โจหลุยส์” จึงทำให้ในแวดวงการแสดงลิเกรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบัน
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ การแสดงหุ่นละครเล็กเริ่มลดน้อยถอยลงไป และด้วยอายุของครูแกรก็มากขึ้นสุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยอำนวยอีกด้วย ท่านได้มอบหุ่นละครเล็กส่วนหนึ่ง ให้ไว้กับบุตรชายและสะใภ้คือนางหยิบ เพื่อดำเนินการต่อประมาณ ๓๐ ตัว ส่วนที่เหลือทั้งหมดครูแกรเอาไปเจริญน้ำ
ต่อมานางหยิบสะใภ้ของครูแกร ได้นำหุ่นละครเล็กที่ได้มาจากครูแกร ให้ไว้กับครูสาคร เพราะเห็นว่ามีความสามารถที่จะดูแลและสืบทอดการแสดงหุ่นละครต่อไปได้(หุ่นชุดนี้ครูสาครได้ยกให้กับเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้ประชาชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้ชมพร้อมศึกษาต่อไป คงเหลือแต่หุ่นพ่อแก่ที่ทำขึ้นไว้บูชาเพื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์เท่านั้น)
ครูสาคร ยังเขียวสด ได้ฝึกหัดลูกๆ หลานๆ ทุกคนในครอบครัว ให้มีพื้นฐานทางด้านการแสดงโขน ละคร จนสามารถตั้งคณะโขนเด็ก และได้นำออกแสดงจนสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งพื้นฐานทางด้านการแสดงนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
ซึ่งต่อมาครูสาครได้ฟื้นฟูหุ่นละครเล็กอีกครั้ง โดยนำวิชาความรู้และประสบการณ์ทางด้านการแสดงเมื่อครั้งอดีตที่เคยเรียนรู้กับคณะหุ่นละครเล็กของครูแกร
จนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ขอร้องให้ครูสาคร จัดทำหุ่นละครเล็กและเปิดการแสดงขึ้นอีกครั้ง และครูสาครได้ตั้งชื่อคณะว่า “หุ่นละครเล็ก คณะสาครนาฏศิลป์ ละครเล็กหลานครูแกร”
การแสดงหุ่นละครเล็กต้องใช้ผุ้เชิด ๓ คน ต่อหุ่น ๑ ตัว ผู้เชิดจะต้องชำนาญในด้านการแสดงโขน จึงจะถ่ายทอดลีลาการร่ายรำของตัวละครในเรื่อง “รามเกียรติ์” ซึ่งนิยมใช้ในการแสดง
ปัจจุบันการพัฒนาทางด้านการแสดงของหุ่นละครเล็ก จากเดิมของครูแกรผู้เชิดจะอยู่ด้านหลังฉาก ซึ่งทำให้ผู้ชมไม่เห็นลีลาการเชิดที่สวยงามอ่อนช้อย ครูสาครก็พัฒนาให้ผู้เชิดออกมาเชิดด้านหน้าของฉาก และผู้เชิดทั้ง ๓ คน ต้องถ่ายทอดลีลาการร่ายรำในแบบฉบับของโขนอันสวยงามและอ่อนช้อยอีกด้วย ทำให้ผู้ชมชื่นชอบเป็นอย่างมากซึ่งไม่มีที่ใดในโลกอีกด้วย ครูสาคร ยังเขียวสด หรือ โจหลุยส์ ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งให้เป็น
“ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็ก ในปี พ.ศ.๒๕๓๙”
|
ความเป็นมาของโรงละคร นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์)
นับเนื่องจากครั้งที่ครูสาคร ยังเขียวสด (โจหลุยส์) ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ แต่งตั้งให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงละครเล็ก ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว การเผยแพร่การแสดงหุ่นละครเล็กให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก คงเป็นเพียงการได้ไปร่วมงานต่างๆ ตามที่ได้รับเชิญแต่เพียงเท่านั้น หากความใฝ่ฝันของครูสาคร มองการไกลไปถึงการมีสถานที่จัดการแสดงอย่างถาวร เพื่อการพัฒนาทั้งรูปแบบของการแสดงและตัวหุ่นละครเล็ก จะได้มีอย่างต่อเนื่อง และความใฝ่ฝันอันนี้เองที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกส่งต่อไปยังรุ่นลูก พร้อมทั้งความรู้ที่มีทั้งหมดเพื่อให้มีผู้สืบสานเจตนารมณ์ดังกล่าวต่อไป
ด้วยปณิธานและเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของครูสาคร ที่ต้องการอนุรักษ์และเผยแพร่การแสดงหุ่นละครเล็กให้เป็นที่รู้จักและคงอยู่สืบไป ครูสาครจึงได้ก่อตั้งโรงละคร โจหลุยส์ เธียร์เตอร์ ขึ้นที่จังหวัดนนทบุรี เป็นแห่งแรก โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๓ และเปิดทำการแสดงเรื่อยมา จนกระทั่งปัจจุบัน ได้ย้ายสถานที่ตั้งมาอยู่ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และด้วยความตั้งใจจริงในการดำเนินงานของโรงละครฯ ที่ยึดมั่นอุดมการณ์ในการเผยแพร่ และอนุรักษ์อย่างแท้จริงทำให้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระราชทานชื่อให้โรงละครฯ ว่า “นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก” (โจหลุยส์) ยังความปลาบปลื้มอย่าง
หาที่สุดมิได้ เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้เกิดพลังสู้กับปัญหานานัปการอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย เพื่อให้หุ่นละครเล็กซึ่งเป็นสมบัติของชาติได้อยู่คู่ประเทศสืบไป
ลักษณะของหุ่นละครเล็ก
| หุ่นกระบอก |
![]() |
| หุ่นละครเล็ก |
สำหรับวัสดุที่ใช้ทำเครื่องแต่งกายจะเหมือนกับเสื้อผ้าที่คนใช้จริง ทั้งผ้าเลื่อม ผ้าต่วน ดิ้นเงิน ดิ้นทอง ผ้ายก และผ้านุ่งที่ทำจากผ้าตาด โดยหุ่นละครเล็กจะแต่งกายเหมือนโขน เครื่องประดับต่างๆ เป็นเครื่องโขน ละครเล็กเป็นหุ่นที่มีแขน ขา มือ เท่าแบบหุ่นหลวง สูงประมาณ 1 เมตร ข้างในกลวงเป็นโพรง โครงหุ่นท่อนบนทำด้วยกระดาษข่อย ท่อนล่างทำด้วยโครงลวดวงไว้ 2 - 3 เส้น มีสายใยอยู่ภายในลำตัว ถ้าเป็นตัวเอกจะมีสายใยที่ข้อมือด้วย ทำให้หักข้อมือและชี้นิ้วได้ ส่วนตัวตลกมีมือแข็งๆ ขยับไม่ได้ หุ่นบางตัวโดยเฉพาะตัวนางที่แปร๋นๆ จะมีชิ้นไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ 2 ชิ้น อยู่ภายในตรงคอให้คนเชิดกด เพื่อให้หุ่นยักคอได้แบบละครจริงๆ ตัวพระไม่มีชิ้นไม้ที่ว่านี้ ดังนั้นจึงได้แต่เหลียวคอซ้ายขวาตามธรรมดา ส่วนตัวตลกอ้าปากได้ ตัวหุ่นประเภทนี้ใช้ผ้ามุ้งแซมตรงคอเพื่อให้ย่นๆ จะได้อ้าปากหุบปากได้ หุ่นทุกตัวกลอกตาไม่ได้เพราะตาทำด้วยลูกแก้วแข็ง หัวโขนก็ถอดไม่ได้ แต่ตัวนางผีเสื้อสมุทรซึ่งขนาดใหญ่กว่าหุ่นทุกตัวถอดหัวได้ ละครเล็กแต่งกายแบบโขนละคร เสื้อผ้าปักด้วยลูกปัด และดิ้นเลื่อม ประณีตพอสมควร เครื่องประดับมีครบครันแบบโขนละครจริงๆ ส่วนกำไลทำด้วยรักปั้นเป็นวงแล้วปิดทอง
การเชิดและการแสดง
| การเชิดหุ่นละครเล็ก |
หุ่นละครเล็กเคลื่อนไหวได้เพราะคนเชิดซึ่งต้องมีความชำนาญมาก หุ่นบางตัวคือ ตัวพระ ยักษ์ และลิงต้องใช้คนเชิดถึง 3 คน ตัวนางใช้คนเชิด 2 คน ส่วนตัวตลกใช้คนเชิดเพียงคนเดียว ในการเชิดหุ่นตัวหนึ่งผู้เชิดจะต้องแบ่งหน้าที่กันและจะต้องร่วมงานกันอย่างดีเยี่ยม คนที่หนึ่งจะเป็นหลักในการเชิด โดยสอดมือข้างซ้ายเข้าไปอยู่ในลำตัวละครเล็กเพื่อจับเดือยซึ่งเป็นก้านคอให้ตัวหุ่นกลอกหน้าหรือยักคอได้ ส่วนมือขวาต้องจับก้านเหล็ก (มือขวาของตัวหุ่น) ซึ่งมีลูกรอกติดอยู่เพื่อบังคับให้มือหุ่นเคลื่อนไหวได้ คนที่สองต้องใช้มือขวาของตนจับก้านเหล็กมือซ้ายของหุ่น เวลาเชิดก็ต้องทำท่าทางสัมพันธ์กับมือขวาด้วย ส่วนคนที่สามต้องใช้มือสองข้างจับเดือยที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของตัวหุ่น เพื่อคอยยกเท้า เปลี่ยนเท้า ซอยเท้า โดยต้องให้สัมพันธ์กับท่ารำ เทคนิคการเชิด เช่น การกล่อมตัว จังหวะ ฯลฯ ต้องใช้ความชำนาญ และประสบการณ์ของผู้เชิด
| การเชิดตัวนาง |
เรื่องที่ใช้แสดงละครเล็กมักเป็นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ เช่น พระอภัยมณี สังข์ทอง ลักษณวงศ์ แก้วหน้าม้า โสนน้อยเรือนงาม ฯลฯ และแสดงเรื่องรามเกียรติ์ด้วย เรื่องที่นิยมที่สุดคือเรื่องพระอภัยมณี เรื่องอื่นๆ ก็เล่นบ้างแต่น้อย บางทีเล่นเป็นตอนสั้นๆ เช่น สังข์ทอง จับตอนเจ้าเงาะกับนางรจนา บทร้องใช้บทตามวรรณคดี นายแกรแต่งเติมเองบ้าง มีต้นเสียงและลูกคู่ร้องรับ มีการบอกบทเช่นเดียวกับละครนอก เครื่องดนตรีใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้าหรือเครื่องคู่ก็ได้ ไม่มีซออู้แบบหุ่นกระบอก ใช้เพลงสองชั้น และร่ายเป็นพื้น คนเชิดเป็นคนเจรจา ถ้าหุ่นนั้นมีคนเชิดหลายคนก็ผลัดกันเจรจาก็ได้
หุ่นแต่ละตัวแม้จะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 วันต่อการทำหุ่นแต่ละตัว หากแต่ในทุกขณะนับตั้งแต่เริ่มคิดทำหุ่นละครเล็กตัวหนึ่งตัวใดขึ้นมา ชีวิตและจิตใจของผู้ทำทั้งหมดจะมุ่งอยู่ที่การสร้างสรรค์ให้หุ่นละครเล็กแต่ละตัว ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมที่จะร่ายรำลีลางดงามให้คงอยู่ในใจของผู้ที่เข้าชมการแสดงของหุ่นละครเล็กคณะสาครนาฏศิลป์ตราบนานเท่านาน
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่ศิลปไทยก้าวสู่อันดับหนึ่งของโลก สองสมัยซ้อน
![]() |
| รางวัลการแสดงยอดเยี่ยม The Best Performance Award 2549 |
![]() |
| นายพิสูตร และ นายสุรินทร์ ยังเขียวสด ขึ้นรับรางวัล The Best Performance Award ปี 2549 |
![]() |
| รางวัลการแสดงยอดเยี่ยม The Best Performance Award 2551 |
GTV รายการวันใหม่ ตอนหุ่นละครเล็ก
ขอบคุณที่มาจาก
http://www.facebook.com/notes/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B9%8C/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81/129497300443772
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8F%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2_%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น